2 เครื่องมือปรับรูปหน้าสุดฮิต เพราะไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผล ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ไม่ต้องทำบ่อย อย่าง Ultherapy และ Thermage FLX+ แตกต่างกันยังไง ตัวไหนดีกว่า วันนี้แอดมินมาเทียบให้ดูกันชัด ๆ ครับ
สารบัญเนื้อหา
ชนิดของเทคโนโลยี Ultherapy และ Thermage FLX+
Ultherapy (อัลเทอราปี) เป็นเทคโนโลยีจากประเทศสหรัฐอเมริกา จะใช้พลังงานคลื่นเสียง หรือ คลื่นอัลตร้าซาวด์ (Micro Focused Ultrasound with Visualization) ผ่านหัวทิปแต่ละระดับ เจาะจงไปที่ความลึกแต่ละชั้นใต้ผิว ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและเกิดความร้อนในเนื้อเยื่อ เพื่อไปกระตุ้นเซลล์หลักที่ผลิตคอลลาเจน และอิลาสติน (Fibroblast) ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อยและเซลล์ที่เริ่มเสื่อมค่อย ๆ คืนสภาพเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ขึ้น หน้าจออัลตราซาวด์จะแสดงภาพชั้นผิวหนังเพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำ
ส่วน Thermage FLX+ (เทอร์มาจ) เป็นเทคโนโลยีจากประเทศอเมริกาเช่นเดียวกัน ใช้หลักการส่งพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) เข้าไปยังชั้นผิวหนัง โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่ที่เรียกว่า ‘Capacitive Monopolar Radiofrequency’ ส่งพลังงานความสั่นสะเทือนลงสู่ผิวลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutis)
โดยสามารถแก้ปัญหาที่เส้นใยคอลลาเจนที่หย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้โครงสร้างผิวหนังกระชับตัว ฟื้นฟูผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทั้งยังช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ผิวบริเวณที่เคยหย่อนคล้อยก็ตึงกระชับจนสังเกตได้ และสามารถรักษาได้ทุกสภาพผิว ซึ่งยิ่งดูแลผิวเร็วก็ยิ่งยืดอายุความอ่อนเยาว์ให้อยู่คู่กับผิวได้นานขึ้นและเป็นธรรมชาติ
ระดับความลึกของพลังงาน Ultherapy และ Thermage FLX+
Ultherapy และ Thermage FLX+ เหมาะกับใคร ?
Ultherapy เหมาะสำหรับ
ผู้ที่ต้องการยกผิว ผู้ที่กรอบหน้าไม่ชัด แก้มห้อยย้อย ผิวใต้คางหย่อนคล้อย และมีริ้วรอยรอบดวงตา ผู้ที่มีผิวหน้าโดยรวมหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก แต่ยังไม่อยากทำศัลยกรรมดึงหน้า
Thermage FLX+ เหมาะสำหรับ
ผู้ที่มีริ้วรอยเล็กๆ ผิวหลวม ไม่กระชับ ไม่เด้ง ต้องการกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน ต้องการปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้น (Improve Skin Quality) หรือต้องการลดไขมันบางส่วน
- บริเวณใบหน้า: หน้าผาก ริ้วรอยรอบมุมปาก ร่องแก้ม กรอบหน้า ฯลฯ
- ลำคอ เหนียงใต้คาง
- รอบดวงตา: หนังตาที่ห้อยย้อย เปลือกตามีรอยย่น ฯลฯ
- ร่างกาย: หน้าท้องที่หย่อนยาน ต้นขา ฯลฯ
Ultherapy และ Thermage FLX+ ผลลัพธ์นานแค่ไหน ?
ระยะเวลาของผลลัพธ์ ผลลัพธ์จะเห็นผลทันทีหลังทำ 20-30 % และจะค่อยๆเห็นชัดเจนมากขึ้นและเห็นผลที่ 100% ที่ประมาณช่วง 3-6 เดือน ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ต่อการทำ 1 ครั้ง
ระยะเวลาของผลลัพธ์ ผลลัพธ์จะเห็นผลทันทีหลังทำ 10-20 % จะค่อยๆเห็นชัดเจนมากขึ้นและเห็นผลที่ 100% ที่ประมาณช่วง 3-6 เดือน ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ต่อการทำ 1 ครั้ง
บทสรุปความแตกต่าง Ultherapy และ Thermage FLX+
โดยสรุป ไม่มีเครื่องไหนดีกว่า หรือ ด้อยกว่า แต่สำคัญ คือ เหมาะกับผิวหรือปัญหาแบบไหนมากกว่ากันต่างหากครับ
ผิวหย่อน ต้องการยกขึ้น อยากหน้าเรียว กรอบหน้าชัด เลือก “Ultherapy”
ผิวมีริ้วรอย ผิวหลวม ต้องการกระชับให้แน่น หรือ มีไขมันส่วนเกิน เลือก “Thermage FLX+”
ซึ่งบางคนอาจมีปัญหาทุกรูปแบบ ก็อาจต้องทำทั้ง 2 โปรแกรม (แต่ละทำโปรแกรมไหนก่อนหลังก็ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์)
นอกจากนี้แล้ว ทั้ง 2 โปรแกรม ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้เช่นกัน เป็นการปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นในระยะยาว ผลพลอยได้จึงจะรู้สึกได้ว่าผิวกระจ่างใสขึ้น ริ้วรอย จุดด่างดำดูจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเลือกโปรแกรมไหน อย่าลืมเลือกแพทย์ด้วยนะครับ เพราะได้เครื่องมือดีแล้ว หากได้แพทย์ที่มีประสบการณ์ใช้เครื่องมาอย่างยาวนาน ใส่ใจ และให้เวลาในการรักษาอย่างเต็มที่ รวมถึงสามารถประเมินได้อย่างแม่นยำว่า ผิวหน้าเราเหมาะกับโปรแกรมไหน ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ไม่เสียเงิน เสียเวลาเปล่าครับ
ซึ่งมั่นใจได้ว่าที่ เดอะ พรีม่า คลินิก นอกจากเราจะมีเครื่องมือพร้อมให้บริการทั้ง 2 เครื่อง โดยเป็นเครื่องแท้ อยู่ประจำทุกวันแล้ว
คุณหมอช้อป ยังมีประสบการณ์ใช้เครื่องมือปรับรูปหน้ามาอย่างยาวนาน รีวิวเยอะมาก และที่สำคัญ รับเคสจำกัดเพียงวันละ 1-2 เคสเท่านั้น เพื่อมีเวลาในการดูแลคนไข้อย่างเต็มที่
สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อนตัดสินใจได้ โดยไม่มีค่าปรึกษาครับ หมอเข้าทุกวัน ทำเองทุกเคส
เดอะ พรีม่า คลินิก เราเน้นการรักษาที่ตรงจุดที่สุด ถูกหลักการแพทย์ ไม่กดดันหรือยัดเยียดขายคอร์ส