<<สำคัญมาก>> หลังทำพิโค่เลเซอร์ช่วง 2 สัปดาห์แรก ผิวมีความเซนซิทีฟและอยู่ในช่วงการฟื้นตัว คนไข้จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงแดดจัดและความร้อนจัด 1-2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผิวคล้ำกว่าเดิมได้
เน้น 2 สัปดาห์แรก ไม่ควรโดนแดดและความร้อน ให้เก็บตัวให้หนัก ๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ตลอดเดือนเลยครับ เนื่องจากหลังยิงเลเซอร์ผิวเราจะไวต่อแดดและความร้อนเป็นอย่างยิ่ง (แต่เลเซอร์ไม่ได้ทำให้ผิวเราบางลง) มิฉะนั้น อาจเกิดรอยดำมากกว่าเดิมได้
2. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน แต่ให้สะอาดหมดจด และใช้น้ำเกลือช่วยทำความสะอาดให้ผิวฟื้นตัวเร็ว
เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่รบกวนผิวจนเกินไปช่วง 2 สัปดาห์แรกเพราะผิวจะบอบบางมาก โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องฟื้นฟูผิวหลังการทำเลเซอร์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีประสิทธิภาพและอ่อนโยนต่อผิว
🔸กรณีไม่มีแผลตกสะเก็ด : สามารถล้างหน้าได้ตามปกติ แต่ควรใช้ครีมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน (เช่น ครีมล้างหน้าสำหรับเด็ก) งดการสครับหน้า
🔸กรณีมีแผลตกสะเก็ด : ให้ใช้น้ำเกลือ เช็ดหน้าเท่านั้น เช็ดทั่วหน้าเบา ๆ ห้ามเช็ดที่สะเก็ดให้หลุดออกโดยตรง รอจนกว่าวันที่สะเก็ดจะหลุดออกเองจึงหยุดใช้ ห้ามแกะสะเก็ดเด็ดขาดเนื่องจากผิวกำลังฟื้นตัวมิฉะนั้น อาจเป็นรอยดำมาก
***กรณีแผลตกสะเก็ด งดใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีสารก่อการระคายเคือง เช่น Alcohol, Paraben หรือแม้แต่ Viamin C เนื่องจากอาจทำให้ผิวระคายเคืองเกิดเป็นรอยดำมากกว่าเดิมได้ (งดใช้ประมาณ 2 สัปดาห์หลังยิงเลเซอร์)
***กรณีแผลตกสะเก็ด งดใช้ “โทนเนอร์” เช็ดหน้าอย่างเด็ดขาดใน 2 สัปดาห์แรก เพราะมักเกิดการระคายเคือง ทำให้ผิวเกิดเป็นรอยดำมากกว่าเดิมได้ครับ
3. ทาเวชสำอางเพิ่มความชุ่มชื้น และ ครีมกันแดดอย่างเพียงพอ โดยครีมกันแดดควรมีค่า SPF30 ขึ้นไป และกันแสงได้ทุกรังสี ทั้ง UVA, UVB, Bluelight (สาเหตุหลักของฝ้ากระคือแสงแดดและความร้อน)
ห้ามโดนแดดแต่ก็ต้องใช้ครีมกันแดดด้วยนะครับ แม้อยู่บ้าน หรือในออฟฟิศ สิ่งที่เราควรระวังจริง ๆ คือ รังสี UVA/UVB ซึ่งเจอในแสงแดด ดังนั้นควรงดทำงาน หรือ มีกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ แม้แต่การขับรถ หรือ อยู่ในบ้านที่มีกระจก รังสี UV ก็สามารถทะลุเข้ามาได้ จึงต้องทาครีมกันแดดแม้อยู่ในที่ร่ม หลังยิงเลเซอร์ยิ่งควรทาครีมกันแดดบริเวณที่เป็นฝ้า กระ เนื่องจากจะมีความไวต่อแสงเป็นพิเศษ
🔸กรณีไม่มีแผลตกสะเก็ด : ทาครีมกันแดดได้ทั่วหน้า(เน้นบริเวณฝ้า กระ เป็นพิเศษ)
🔸กรณีมีแผลตกสะเก็ด : ห้ามทาครีมกันแดดทับแผลตกสะเก็ดโดยตรง (ให้ทาครีมที่ทางคลินิกให้ก่อนเพื่อเคลือบแผล แล้วค่อยทาครีมกันแดดทับได้)
***กรณีแผลตกสะเก็ด งดใช้ครีมกันแดดที่มีสารก่อการระคายเคือง เช่น Alcohol , Paraben หรือแม้แต่ Viamin C ที่อยู่ในครีม หรือ Whittening อาจทำให้ผิวระคายเคืองเกิดเป็นรอยดำมากกว่าเดิมได้
4. ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุง แต่งดทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA วิตามิน A 7-10 วัน
นอกจากครีมกันแดดแล้ว สกินแคร์ตัวสำคัญคือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่เติมความชุ่มชื้นล้ำลึกให้ผิว ทั้งสำหรับก่อนนอนและระหว่างวัน เมื่อหน้าชุ่มชื้นจะทำให้แผลหายได้เร็วยิ่งขึ้น
🔸กรณีไม่มีแผลตกสะเก็ด : การยิงเลเซอร์จะทำให้หน้าเนียนใส รูขุมขนกระชับ ลดหน้ามันได้ (หน้าแห้งลง) ดังนั้นจึงควรทามอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น เพราะหน้าอาจแห้งตึงจนเกินไป
🔸กรณีมีแผลตกสะเก็ด : ห้ามทามอยเจอร์ไรเซอร์ทับแผลตกสะเก็ดโดยตรง (ให้ทาครีมที่ทางคลินิกให้ก่อนเพื่อเคลือบแผล แล้วค่อยทามอยเจอร์ไรเซอร์ทับได้)
***กรณีแผลตกสะเก็ด งดใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีสารก่อการระคายเคือง เช่น Alcohol, Paraben หรือแม้แต่ Vitamin C ซึ่งทำให้ผิวระคายเคืองเกิดเป็นรอยดำมากกว่าเดิมได้ครับ (งดใช้ประมาณ 2 สัปดาห์หลังยิงเลเซอร์)
สำหรับคนไข้ที่คุณหมอยิงพิโค่เลเซอร์ในโหมดตกสะเก็ดให้ ซึ่งจะต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ โดย
ห้ามแผลถูกน้ำ หรือ สบู่ และ ห้ามแต่งหน้า จนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุดออกหมด (ประมาณ 1-2 สัปดาห์)
ห้ามถู แกะ เกาแผล หรือเล่นกีฬาที่อาจเกิดแรงปะทะ หรือการเสียดสีบริเวณแผล จนกว่าสะเก็ดจะหลุด มิฉะนั้นจะเกิดรอยดำได้
ใช้ยาและเวชสำอางตามที่คุณหมอแนะนำ
***ย้ำอีกครั้ง กรณียิงตกสะเก็ด ต้องงดใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและบำรุงผิวทั้งหลาย ที่มีสารก่อการระคายเคือง เช่น Alcohol, Paraben หรือแม้แต่ Vitamin C ซึ่งทำให้ผิวระคายเคืองเกิดเป็นรอยดำมากกว่าเดิมได้ครับ (งดใช้ประมาณ 2 สัปดาห์หลังยิงเลเซอร์)
พิโค่เลเซอร์ไม่ได้ทำให้ผิวบาง แต่กลับสร้างผิวแข็งแรงได้ในระยะยาว อย่างไรก็ดี หลังการเลเซอร์ช่วง 2 สัปดาห์แรกผิวยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ให้อดทนดูแลในช่วงนี้ รับรองว่าคุ้มค่ากับการดูแลแน่นอนครับ
วิธีปฏิบัติตัวหลังทำ Reju Peel (ผลัดเซลล์ผิว)
สำหรับคนไข้ที่คุณหมอรักษาด้วยการผลัดเซลล์ผิว ด้วยรีจูพิล (Reju Peel) ภายใน 1 สัปดาห์หลังทำ อาจมีผิวลอกเป็นขุยซึ่งเป็นอาการปกติ (บางท่านผิวอาจไม่ลอกก็ไม่ได้ผิดปกตินะครับ) แนะนำให้ดูแลผิวเป็นพิเศษในช่วงนี้ ดังนี้
1. ห้ามขัด แกะ ดึง แผ่นขุยที่ลอก ควรปล่อยให้หลุดออกเองตามธรรมชาติ (ประมาณ 1-2 สัปดาห์แผ่นขุยเหล่านี้จะหลุดออกเองครับ)
2. หลีกเลี่ยงแดดจัดและความร้อนจัด รวมถึงบริเวณที่มีฝุ่น 1-2 สัปดาห์
3. ทามอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป โดยต้องไม่มีส่วนผสมของสาร Paraben, Alcohol และ Vitamin C
4. งดว่ายน้ำในช่วง 2 วันแรก และทางที่ดีควรเว้น 1-2 สัปดาห์หลังทำ
5. งดแต่งหน้า 1 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบ สิวอุดตัน แต่หากไม่มีสิวแล้ว สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
6. หากมีอาการผื่นแดง คัน รอยดำ ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
Reju Peel ประกอบด้วยกรดหลายชนิดรวมกันในความเข้มข้นไม่สูง เพื่อลดผลข้างเคียงของกรดแต่ละตัว และมีข้อดีคือ ใช้กรดที่ผลิตจากเปลือกพืช ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป โดยไม่ทำร้ายผิว นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากพืช เช่น โคจิก (Kojic) วิตามินอี (Vitamin E) และ วิตามิน ซี (Vitamin C) ที่ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี ทำให้ฝ้า จุดด่างดำ รอยดำสิว จางลงได้เร็วขึ้น
ผิวหนังที่สร้างขึ้นใหม่จะนุ่มนวล ผิวดูกระจ่างใสขึ้น สีผิวสม่ำเสมอกว่าเดิม พร้อมทั้งไปกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วยครับ
**การรักษาฝ้ากระที่ได้ผลดีที่สุด คือ การผสมผสานการรักษาที่หลากหลาย ไม่ใช่อาศัยแค่เลเซอร์อย่างเดียว**
พิโค่เลเซอร์ (Picosecond Laser) เป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งในการทำลายเม็ดสีได้เร็วที่สุดในยุคปัจจุบัน แต่ยังต้องอาศัยตัวช่วยอื่นเพิ่มเติม ได้แก่ การทาเวชสำอางช่วยลดเม็ดสี และ การป้องกันแสงแดด ความร้อน ไม่ให้เม็ดสีเกิดใหม่
สกินแคร์หรือเวชสำอางที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ฝ้ากระจางลงได้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรให้แพทย์แนะนำที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลครับ ไม่แนะนำให้เลือกซื้อเองตามท้องตลาดหรือเวปออนไลน์ เพราะอาจไม่เหมาะกับสภาพผิวตนเอง หรือ มีสารต้องห้าม ที่เมื่อหยุดใช้แล้วหน้าดำกว่าเดิม
การเรียงลำดับสกินแคร์ สำหรับ "คนเป็นฝ้า" มีขั้นตอนในช่วงกลางวัน และ กลางคืน ดังต่อไปนี้
อาการที่อาจเกิดหลังการยิง Picosecond laser
1) ผิวหนังบริเวณที่รักษามีอาการบวมแดงชั่วคราวและมักจะหายไปภายใน 1-2 วัน
2) การเปลี่ยนสีของผิวหนัง (จางลงหรือเข้มขึ้น) *** ขึ้นกับการดูแลตัวเองหลังทำ มักเป็นมากขึ้น เมื่อบริเวณที่ได้รับการรักษาถูกแสงแดดจัด และ ความร้อนจัด
3) อาการปวด แสบร้อน เหมือนหนังยางดีดระหว่างการรักษา หายไปภายใน 24 ชั่วโมง
4) ผิวหนังถลอก การหลุดลอกของผิวอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะทุเลาลงภายใน 5-7 วัน
5) น้ำเหลืองซึม อาจมีอาการน้ำเหลืองซึมออกมาจากบริเวณที่ทำการรักษา และอาจเป็นสะเก็ดถ้าหากแผลไม่ชุ่มชื้นพอ จะหายไปภายใน 5-7 วัน โดยการใช้ความเย็นประคบ หรือทายาสมานแผลตามแพทย์สั่ง
6) การติดเชื้อที่บริเวณผิวหนัง ควรทายาตามแพทย์สั่ง
7) มีอาการแพ้บริเวณผิวหนังจากการใช้ผลิตภัณฑ์บนผิวหนัง
8) การเกิดสิวเห่อ: อาการของสิวอาจเห่อขึ้นได้ ในช่วงระยะเดือนแรกหลังจากการรักษา
ปัจจุบัน "ฝ้าและกระ" ยังไม่มีการรักษาใดที่ทำให้หายขาดถาวร พอรักษาจนจางหมดแล้ว ไม่กี่ปีก็มีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก แต่อาจไม่หนักเท่าเดิมแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราลดปัจจัยกระตุ้นได้มากน้อยขนาดไหนครับ
ซึ่งสาเหตุหลักของฝ้ากระคือ แสงแดดและความร้อน ฉะนั้น ควรป้องกันผิวด้วยการทาครีมกันแดดให้เพียงพอทุกวัน แม้จะอยู่แต่ในบ้านหรือออฟฟิศ และเมื่อต้องออกแดดให้ทาครีมกันแดด สวมหมวก กางร่ม และใส่เสื้อผ้าคลุมให้มิดชิดนะครับ
วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกวิธี คือ
เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และกันรังสีทั้ง UVA, UVB, Visible Light / Blue Light และ Infrared
ทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที
ปริมาณที่เพียงพอ หากเป็นกันแดดเนื้อโลชั่น ใช้อย่างน้อยเท่ากับเหรียญสิบ 1 เหรียญ และหากเป็นกันแดดเนื้อครีมใช้ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือเต็ม ๆ
แบ่งทาทีละรอบ ให้ซึมลงผิวทีละชั้น และ เน้นทาปกป้องบริเวณที่มีฝ้ากระ