การฉีดโบท็อกซ์กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับสายความงาม แต่เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่ว่าทุกคลินิกจะน่าไว้ใจ และไม่ใช่ว่าทุกคำโฆษณาจะพูดความจริงหมด
ถ้าเจอแบบนี้… รีบเผ่นให้ไวก่อนหน้าจะพังไม่รู้ตัว!
1. หมอไม่โชว์หน้า ไม่บอกชื่อ? แบบนี้มีพิรุธ!
อ้าว! นี่มันความลับคลินิกนะคุณลูกค้า ถ้าได้ยินคำนี้ คุณต้องรีบสงสัยแล้วล่ะครับ! เพราะอะไรน่ะเหรอ? การฉีดโบท็อกซ์เนี่ย เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น! พยาบาล หรือใครที่ไม่ใช่หมอเนี่ย ทำไม่ได้นะครับ ผิดกฎหมายเต็มๆ!
รู้ไว้เลย! ก่อนฉีดทุกครั้ง เรามีสิทธิ์ตรวจสอบชื่อและใบหน้าของแพทย์ได้จากเว็บไซต์แพทยสภา เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังฉีดกับหมอจริงเสียงจริง! และต้องเป็นสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือเท่านั้นด้วยนะ! ถ้าหมอไม่ยอมบอกชื่อ หรือคลินิกดูแปลกๆ ก็รีบเซย์กู้ดบายได้เลยครับ!
2. ราคาถูกเว่อร์วัง! ของดีราคาถูก มีจริงเหรอ?
เจอโปรฯ เด็ด “โบ 100 ยู แค่ 2,999.- แถมฟรีอีก 10 อย่าง!” แบบนี้ถึงกับต้องขยี้ตาเลยใช่ไหมครับ? ใจเย็นๆ ครับ อย่าเพิ่งรีบร้อน!
รู้ไว้เลย! โบท็อกซ์ที่ไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจนในประเทศไทย ถือว่าผิดกฎหมายนะครับ! และที่สำคัญคือ อาจจะไม่ได้ผล หรือหนักกว่านั้นคืออันตรายถึงชีวิตได้เลยนะ! โบท็อกซ์แท้เนี่ย เขาต้องมีการเก็บรักษาและขนส่งด้วยความเย็นตลอดเวลา เพื่อรักษาประสิทธิภาพของยาไว้ ถ้าของถูกมาก ๆ อาจจะเป็นของปลอมที่เก็บรักษาไม่ดี หรือถูกเจือจางมาแล้วก็ได้ครับ!
3. โปรฯ เยอะเกินเหตุ ซื้อ 200 แถม 200? แบบนี้ไม่ปกติ!
“ซื้อ 200 ยู แถมอีก 200 ยู! ฉีดได้หมดวันนี้ได้เลยค่ะ!” ฟังดูคุ้มเหมือนได้ฟรี ใช่ไหมครับ? แต่ความจริงคือ…
รู้ไว้เลย! การฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 200 ยูนิตนะครับ เพราะอาจเสี่ยงต่อการดื้อยาในระยะยาวได้ (ยกเว้นโบท็อกซ์บางชนิดที่หน่วยวัดไม่เท่ากับโบท็อกซ์ทั่วไป เช่น โบท็อกซ์จากอังกฤษ 500 ยูนิต จะเท่ากับ 100 ยูนิต ของอเมริกา เกาหลี และเยอรมัน) ถ้าหมอชวนฉีดเยอะเกินไป หรือกระตุ้นให้ฉีดหมดทีเดียวแบบไม่สนอะไร ควรเอะใจไว้เลยนะครับ!
“ฉีดโบที่นี่อยู่ได้เป็นปีเลยนะคะคุณลูกค้า!” คำโฆษณาที่ฟังดูเกินจริงแบบนี้ ต้องระวังให้มากครับ!
รู้ไว้เลย! การฉีดโบท็อกซ์ทุกยี่ห้อเนี่ย ผลลัพธ์โดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนเท่านั้นครับ! ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และการดูแลตัวเองของแต่ละคนด้วย ถ้ามีใครบอกว่าฉีดแล้วอยู่ได้เป็นปีนึง นั่นคือการโฆษณาเกินจริงแน่นอนครับ!
“หมอขอไปผสมยาในห้องก่อนนะครับ” แล้วก็แอบไปผสมเงียบๆ ในห้องส่วนตัว? แบบนี้ไม่น่าไว้วางใจเลยนะครับ!
รู้ไว้เลย! ปัจจุบันมีโบท็อกซ์ปลอมเยอะมาก ที่อาจจะใช้กล่องจริง แต่ข้างในเป็นของปลอม! คนไข้ควรจะตรวจดูว่ากล่องถูกปิดมิดชิดหรือไม่ และสามารถสแกน QR Code ข้างกล่องเพื่อตรวจสอบของแท้ก่อนฉีดได้ทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่ายาที่ใช้เป็นของแท้ 100%!
“จะได้ยาครบไหม? ใช่ยาที่เราซื้อไว้หรือเปล่า?” คำถามพวกนี้จะผุดขึ้นมาทันทีถ้าเราไม่ได้เห็นขั้นตอนการผสมยาครับ!
รู้ไว้เลย! โบท็อกซ์ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบผง และต้องผสมน้ำเกลือก่อนฉีด การที่เราได้เห็นขั้นตอนการผสมยาต่อหน้าจะช่วยให้เรามั่นใจว่า ยาถูกใช้ทั้งหมดและตรงตามที่เราซื้อไว้ ไม่มีการแอบแบ่งยาไปใช้กับคนอื่น หรือเจือจางก่อนฉีดให้เรา!
“พอดีเราใช้ 200 ยูนิต ที่ยังใช้ไม่หมดนะครับ ขอเก็บกล่องก่อนนะครับ” แล้วไม่ยอมให้กล่องกลับบ้าน แบบนี้ก็น่าสงสัยแล้วครับ!
รู้ไว้เลย! โบท็อกซ์ที่เปิดขวดแล้วเนี่ย จะมีอายุการใช้งานจำกัด! ควรใช้ให้หมดทันทีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าหมอพยายามจะเก็บยาไว้ใช้ครั้งหน้า หรือไม่ยอมให้เราเห็นกล่องหลังจากฉีด แสดงว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะครับ!
แล้วเราจะมั่นใจคลินิกที่เลือกได้ยังไง?
✅ จดทะเบียนถูกต้อง และมีใบอนุญาตสถานพยาบาล
✅ มีชื่อแพทย์ผู้ฉีด พร้อมเลขใบประกอบวิชาชีพ
✅ โบท็อกซ์มีฉลากชัดเจน บอกแหล่งที่มา เลขทะเบียน อย.
✅ ออกใบเสร็จ/สลิป ที่มีรายละเอียดชัดเจนทุกครั้ง
✅ ให้ข้อมูลจริงตรงไปตรงมา ไม่หลอกขายฝัน ไม่บังคับซื้อ
การฉีดโบท็อกซ์เป็นการลงทุนเพื่อความดูดีของเรานะครับ ดังนั้น เราต้องฉลาดเลือก ฉลาดเช็ก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด! อย่าเห็นแก่ของถูก หรือคำโฆษณาเกินจริงเด็ดขาด! เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และตรวจสอบยาว่าเป็นของแท้ทุกครั้ง เพียงเท่านี้เราก็สวยหล่อได้อย่างสบายใจไร้กังวลแล้วครับ!
สาระความงามที่เกี่ยวข้อง